การเลือก Keyword สำหรับการทำโฆษณา
ในการทำโฆษณานั้น สื่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือ Keyword นั่นเอง แล้ว Keyword สำคัญอย่างไร เพราะการที่เลือก Keyword ได้เหมาะสมตรงกับสินค้าหรือบริการ ของเราทำให้มีคนเข้าถึงเพิ่มมากขึ้น รูปแบบโฆษณาส่วนใหญ่จะเป็นการใช้ Keyword เมื่อลูกค้าค้นหาเกี่ยวกับ Keyword ที่เรากำหนดโฆษณาของเราก็จะขึ้นมาให้ลูกค้านั่นเอง โดยค้นหาผ่าน Search Engine ต่างๆ เช่น Google, Bing, Yahoo ในบทความนี้จะมาแนะนำเทคนิคการเลือก Keyword ให้เหมาะสมและได้ผลดีที่สุด
1. เลือก Keyword ตามหมวดหมู่สินค้า
การเลือก Keyword แบบนี้ ควรจะเจาะจงไปตามหมวดหมู่สินค้า เช่น ถ้าหากเราขายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ก็จะมีสินค้าหลายหมวดหมู่ เช่น เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต และเสื้อแขนยาว เป็นต้น ใช้ Keyword ให้ตรงกับสินค้าบนหน้าเว็บไซต์มากที่สุด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
2.ใช้ Keyword เจาะจงสินค้าไปเลย
นอกจากเลือก Keyword ตามหมวดหมู่สินค้าแล้ว ในหลายธุรกิจ ผู้คนยังนิยมค้นหาแบบเจาะจงเป็นรายสินค้าไปเลย เช่น “เสื้อผ้า H&M” หรือ “เสื้อแขนยาว Zara ” เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งเทคนิค ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงสินค้าหรือบริการนั้นๆได้มากที่สุด หากเว็บไซต์มีหน้าเฉพาะสำหรับแต่ละสินค้าหรือบริการ ก็สามารถใช้ Keyword ที่เจาะจงแต่ละสินค้าหรือบริการ เพื่อเชื่อมโฆษณาไปยังหน้านั้นๆ ได้เลย
3. Keyword ที่เป็นชื่อแบรนด์ตนเอง
สำหรับแบรนด์ที่ทำการตลาดโดยเน้นไปที่สร้างการรับรู้ หรือ Brand Awareness บนช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ หรือออฟไลน์ ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักชื่อแบรนด์ และเมื่อคนเริ่มสนใจที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็จะเริ่มเข้ามาค้นหาบน Google ดังนั้นการลงโฆษณา โดย เลือก Keyword เป็นชื่อแบรนด์ตัวเอง ก็จะช่วยให้ลูกค้าค้นหาเราเจอ
4.Keyword ที่เป็นชื่อแบรนด์คู่แข่ง
เป็นที่นิยมมาก ในแบรนด์ดัง ที่ขายสินค้า หรือบริการที่เหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน เนื่องจากการที่ใช้ Keyword เป็นชื่อแบรนด์คู่แข่งต้องแน่ใจก่อนนะว่า ธุรกิจเหมือนกันถึงจะใช้ได้ เพราะถ้าจะใช้ชื่อแบรนด์คู่แข่งต้องมั่นใจว่าเรามีดีกว่าคู่แข่ง เพราะถ้าเว็บไซต์สินค้าหรือบริการไม่ดีพอ ลูกค้าก็จะไปสนใจกับแบรนด์คู่แข่งนั่นเอง ถือว่าเสียหายมากสำหรับการทำโฆษณา
และอีกสิ่งที่ต้องไม่ลืม ต้องเชื่อมหน้าเว็บไซต์หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องไปยังโฆษณาด้วย และต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้าเมื่อกดเข้าไปดูแล้วต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ เพราะถ้าเนื้อหาไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าค้นหา ผู้ใช้จะออกจากเว็บไซต์เร็วมาก ซึ่งในทางการตลาด หรือการเก็บสถิติเว็บไซต์ จะมีค่าหนึ่งเรียกว่า Bounce Rate หรืออัตราการเด้งออกจากหน้านั้นๆ สูงขึ้น ทำให้ Google มองว่า หน้าเว็บไซต์นี้ไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้คะแนนคุณภาพของโฆษณา และคะแนนของการทำSEO ลดลงเช่นกัน