Google กำลังจะนำฟีเจอร์ Similar Audiences ออกจาก Google Ads
ฟีเจอร์ similar audiences คืออะไร ?
similar audiences แปลเป็นไทยก็ประมาณว่า กลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียง ลูกค้าที่เหมือนกัน โดย Google Ads จะพิจารณาจากผลการค้นหาที่คลิ๊ก หรือ เข้าชมโฆษณารีมาร์เก็ตติ้ง เพื่อรวบรวมพฤติกรรมการค้นหาของผู้เข้าชมโฆษณา จากข้อมูลนี้ ระบบจะค้นหาผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใหม่โดยอัตโนมัติซึ่งมีพฤติกรรมการค้นหาคล้ายกับผู้ที่มีอยู่ในรายการในการเข้าชมโฆษณารีมาร์เก็ตติ้งอยู่แล้ว
สมมติว่าคุณได้สร้างรายการรีมาร์เก็ตติ้งของผู้ที่ซื้อรองเท้าวิ่งจากเว็บไซต์ของคุณ แทนที่จะระบุกลุ่มเป้าหมายว่าผู้ที่สนใจ “วิ่ง” แต่ฟีเจอร์ similar audiences จะระบุว่าคนที่เข้ามาเว็บไซต์ เข้ามาโดยการค้นหา “การฝึกไตรกีฬา” หรือ “ซื้อรองเท้าวิ่งน้ำหนักเบา” ก่อนมาที่เว็บไซต์ของคุณ จากข้อมูลนี้ กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันพบว่ามีกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมการค้นหาคล้ายกัน เช่น ผู้ที่ค้นหา “ซื้อรองเท้าวิ่งน้ำหนักเบา” เป็นต้น
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023 เป็นต้นไป ฟีเจอร์ similar audiences จะหยุดสร้าง และไม่เพิ่มกลุ่มผู้ชมที่คล้ายกันที่มีอยู่ในแคมเปญและโฆษณาใน Google Ads และ Display & Video 360 อีกต่อไป และในเดือนสิงหาคม 2023 ฟีเจอร์ similar audiences จะถูกลบออกจากกลุ่มโฆษณาและแคมเปญทั้งหมด
แล้วทำอย่างไรดีละ
ฟีเจอร์ similar audiences จะถูกปรับเปลี่ยนให้มีความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ที่ทำโฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นในขณะที่ยังตอบสนองความเป็นส่วนตัวของกลุ่มเป้าได้ ได้อีกด้วย ฟีเจอร์ similar audiences จะถูกเปลี่ยนเป็นฟีเจอร์ Optimized Targeting แทนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่และกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และยังช่วยที่จะทำ Conversion ให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย Optimized Targeting สามารถใช้งานได้แล้วใน Google Ads และจะเปิดตัวใน Display & Video 360 ในครึ่งแรกของปี 2023 สำหรับใครที่ทำด้วยการใช้ฟีเจอร์ Optimized Targeting มียอดผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 55% Google กล่าวทิ้งท้าย
ถ้าแคมเปญยังใช้งานฟีเจอร์ similar audiences อยู่ จะใช้ได้อยู่ราวๆเพียง 6 เดือน หรือจนถึงกลางปีหน้า อย่างไรก็ตาม ควรวางแผนและทดสอบการเปลี่ยนไปใช้ Optimized Targeting และการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเพื่อทำให้โฆษณามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบในอนาคต